การตรวจทางห้องปฏิบัติการและอื่น ๆ
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคได้แก่ การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การตรวจค่าอิเล็คโทรไลต์ การทำงานของตับ การทำงานของไต การตรวจน้ำตาลในเลือด การทำงานของต่อมไทรอยต์ ระดับของวิตามินบี 12 และ folate และการตรวจ syphilis serology หากสงสัย นอกจากนี้การตรวจ electroencephalography (EEG) อาจมีประโยชน์ในกรณีที่สงสัยภาวะ Creutzfeldt-Jakob disease (CJD) ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคชัก หรือมีอาการเพ้อ (delirium) อยู่เดิม ทั้งนี้การตรวจ CSF biomarkers, plasma markers, genetic testing และการใช้ genetic marker APOE โดยอาจพิจารณา/หรือไม่พิจารณาร่วมกับ plasma lipid ซึ่งยังไม่ถูกแนะนำในทางปฏิบัติ
การวินิจฉัยด้วยภาพ
การตรวจ neuroimaging เช่น การทำ MRI และ CT scans สามารถช่วยจำแนกชนิด (subtypes) ของภาวะสมองเสื่อม และสามารถวินิจฉัยแยกโรค intracerebral pathology ได้ การทำ structural brain imaging ควรกระทำในผู้ป่วยทุกราย และการทำ MRI สมองเป็นวิธีการที่แนะนำในการช่วยวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก และการตรวจสอบภาวะ subcortical vascular changes การทำ CT สมองควรทำเมื่อไม่สามารถทำ MRI หรือผู้ป่วยมีข้อห้ามต่อการทำ MRI การทำ CT หรือ MRI สมองนั้นแนะนำในผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงและมีอาการบกพร่องทางปริชาน เพื่อสามารถตรวจภาวะ silent infarct, microbleed, หรือ white matter lesion ได้ การทำ molecular imaging ด้วย fluorodeoxyglucose positron positron emission tomography (FDG PET) สามารถทำเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องมากขึ้นในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการวินิจฉัยได้อย่างแน่ชัด