News & Updates

Have you got your "Eye on AAO?" Download the 2017 e-bulletins here

The latest research, clinical data and innovations in ophthalmology were presented at the 2017 Annual Meeting of the American Academy of Ophthalmology (AAO) in New Orleans, USA, held on 11−14 November 2017. As in previous years, an international panel of renowned ophthalmologists were supported by Pfizer to attend the meeting and contribute articles to create the Eye on AAO 2017 e-Bulletins. Delivered immediately after each meeting day, and developed with full editorial independence, these e-bulletins feature conference highlights of the latest research, hot topics in ophthalmology and their relevance to the Asia Pacific region.

The e-Bulletins are now collected together and available for download from this page; they are sure to be of significant interest to those seeking the latest advances in ophthalmology.

GSK’s Successful Launch of Sensodyne Repair and Protect Deep Repair

Tooth sensitivity is a clinically important problem that affects a considerable proportion of the adult population. It can exert significant burden on patients and may largely affect their quality of life which highlights the need for effective solutions against dentine hypersensitivity. However, the limitations that the COVID pandemic has brought about has greatly altered patients’ health-seeking behavior and ultimately, the dynamics of the relationship between dentists and their patients. As such, there is a need for novel solutions that patients can rely on to effectively address dentine hypersensitivity.

ACOG article 2.7

Treatment with fezolinetant significantly reduced the frequency and severity of vasomotor symptoms (VMS), particularly hot flashes, in women during their menopausal phase, according to the SKYLIGHT 1* trial presented at ACOG 2022.

Debunking the myths about DPP-4 inhibitors

Navigating the evolving landscape of diabetes management requires precise knowledge. In this exploration into the world of DPP-4 inhibitors (DPP4is), we aim to debunk prevalent myths and provide nuanced insights.

Open a Next Chapter of E4: Non-contraceptive Benefits and Long-term Safety Data

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมและมีการใช้มายาวนาน รวมถึงมีข้อควรระวังหลายด้านในทางปฏิบัติ เช่น ส่งผลต่อการทำงานของตับ หัวใจและหลอดเลือด มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (thromboembolism) ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาเอสโตรเจนในรูปแบบ E4 หรือ estetrol ซึ่งเป็นเอสโตรเจนจากธรรมชาติให้เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมโดยใช้ร่วมกับ drospirenone (DRSP) เมื่อใช้ยาคุมกำเนิดที่มี E4 อย่างถูกวิธี ทำให้มีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ต่ำจากการวัดด้วย Pearl index มีความปลอดภัยในระยะยาว ควบคุมประจำเดือนให้เป็นปกติ มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (venous thromboembolism; VTE) และเมื่อเปรียบเทียบกับเอสโตรเจนตัวอื่นพบว่า E4 มีโอกาสเกิดอันตรกิริยากับยาชนิดอื่นน้อยกว่าเนื่องจากไม่ถูกเปลี่ยนแปลงผ่าน CYP450 

Nirmatrelvir reduces the risk of long COVID

Post-COVID condition, also known as long COVID, is a serious public health problem affecting millions of people around the world.¹

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการจัดการโรคปลายประสาทอักเสบจากเบาหวานด้วย neurotropic B vitamins สำหรับเภสัชกร

โรคปลายประสาทอักเสบจากเบาหวาน หรือ diabetic peripheral neuropathy (DPN) เป็นความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานและนับเป็นสาเหตุหลักของโรคปลายประสาทอักเสบในคนไทย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการชา อ่อนแรง ปวด หรือรู้สึกเสียวซ่า โดยมักเกิดขึ้นบริเวณปลายมือและปลายเท้า อาการดังกล่าวอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต รบกวนการทำงาน หรือก่อปัญหาด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ป่วยตามมา ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นทำให้สูญเสียการรับรู้สัมผัส ความสามารถในการเคลื่อนไหว หรือเกิดแผลติดเชื้อที่รักษายาก ส่งผลกระทบต่อครอบครัวและเพิ่มภาระด้านค่ารักษาพยาบาล ในขณะที่การรักษา DPN ผู้ป่วยจำต้องเผชิญกับอาการข้างเคียงจากยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น วิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง ท้องผูก เป็นต้น เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมี poor adherence ซึ่งอาจทำให้ควบคุมโรคไม่ได้และเกิดเป็นปัญหาไม่รู้จบ

ข้อสรุปคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (expert consensus recommendations) เกี่ยวกับแนวทางการจัดการโรค DPN สำหรับบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเภสัชกรชุมชน ผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษาโรค DPN โดยมีคำแนะนำในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เป้าหมายการรักษา วิธีการประเมินโรคเบื้องต้น แนวทางการดูแลรักษาด้วยยาและนอกเหนือจากการใช้ยา รวมถึงบทบาทของ neurotropic B vitamins ในการเป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาอื่นสำหรับการรักษา DPN

aRCC Symposium Highlights: ESMO Congress OCT 2023

การรักษาโรคมะเร็งไตชนิด advanced renal cell carcinoma (aRCC) มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ใช้ยารักษาเพียงชนิดเดียว ปัจจุบันเป็นการใช้ยา 2 ชนิดร่วมกัน ได้แก่ CPI-CPI (ipilimumab-nivolumab) หรือ CPI-TK (axitinib-pembrolizumab, cabozantinib-nivolumab และ lenvatinib-pembrolizumab) ซึ่งให้ผลด้าน overall survival (OS) ที่ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้การใช้ยา 2 ชนิดร่วมกัน CPI-TKI และ CPI-CPI เป็นการรักษามาตรฐาน (standard of care) ในการรักษา aRCC มี 3 การศึกษาที่ทำการเปรียบเทียบการใช้ CPI-TKI กับยา sunitinib โดยการศึกษา CM-9ER เป็นการใช้ยา cabozantinib-nivolumab, การศึกษา CLEAR ใช้ยา lenvatinib-pembrolizumab และการศึกษา KN-426 ใช้ยา axitinib-pembrolizumab ผลพบว่าการใช้ยาร่วมกันทั้ง 3 regimens ให้ผล objective response rate (ORR), progression-free survival (PFS) และ progressive disease (PD) ที่ดีกว่ายา sunitinib โดยเฉพาะ cabozantinib-nivolumab มี PD ลดลงเหลือเพียง 6.5% นอกจากนี้ cabozantinib-nivolumab ยังให้ผล median overall survival (mOS) ซึ่งเป็น long-term efficacy ที่ดีกว่ายา sunitinib อย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็น 49.5 และ 35.5 เดือน ตามลำดับ การเลือกใช้ยาลำดับแรก (first line) ในการรักษาควรพิจารณาข้อมูลโดยรวมจากการศึกษาซึ่งมีปัจจัยที่สำคัญคือ การออกแบบการศึกษา ลักษณะของผู้เข้าร่วมการศึกษา ขนาดยาที่ใช้ ประสิทธิภาพของยาโดยดูจากผล PFS, ORR, best overall response (BOR) และ OS รวมถึงความทนได้ต่อยาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

Death, adverse health outcomes higher for COVID-19 than influenza after hospital admission

Robust evidence for fenofibrate in patients with metabolic syndrome on statins